บทความ

มาดูผลกรรมของคนที่ ยืมเงินแล้วไม่คืนไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ผลกรรมตามทันแน่นอน

เป็นอีกหนึ่งนักคิดนักเขียนแนวธรรมะ ทั้งนิยายแทรกคติทางธรรม ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้เริ่มต้นสนใจธรรมะ กับ ดังตฤณ หรือ ศรันย์ ไมตรีเวช ที่เขียนเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าสนใจ ล่าสุดได้ตั้งคำถามใหญ่เชิงท้าทายในหัวข้อ ยืมเงินแล้วไม่คืนจะได้รับผลกรรมอย่างไร เราคัดลอกมาให้ดูกัน

ยืมเงินและไม่ส่งคืน ผลลัพธ์อาจไม่เหมือนกัน ต้องดูกรรมของแต่ละคน เมื่อรู้ว่ากรรมเป็นอย่างไร มันจะเพียงพอที่จะคิดว่า กรรมใดควรเกี่ยวกับ  รูปแบบของกรรม  แปรไปตามเจตนา  รวมทั้งความสามารถ ที่จะทำให้สำเร็จตามเจตนาด้วย เช่น

บางคนยืมด้วยความตั้งใจ  อาจมีข้อตกลงที่ชัดเจนว่า   เมื่อใดที่จะส่งคืนหรือให้ดอกเบี้ย   จากนั้นสามารถส่งคืนพร้อมของขวัญฟรีตามข้อตกลง  ผลทันที  เป็นสายสัมพันธ์ที่ดี  มีความน่าเชื่อถือซึ่งกันและกัน
คู่กรณีเห็นว่ามีบุญที่ให้โอกาส  ฝ่ายที่ได้รับนั้นถือเป็นบุญอย่างที่เขาทำ  มีความสุขกับการเป็นทั้งผู้ใหญ่ด้วยกัน

บางคนยืมด้วยความตั้งใจที่จะกลับมา เสร็จสมบูรณ์ไม่สามารถคืนชนิดที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อโกง ไม่ทำลายศีล 2 แต่ผลกระทบทันทีจากปัจจุบัน เป็นทุกข์ ขาดความนับถือตนเอง และไม่ได้รับความเชื่อถือจากผู้อื่น สำหรับผลลัพธ์ในประเทศถัดไปมันค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ เช่นการให้เงินกับใครก็ตามที่ยังไม่ได้ยืม เพราะเหตุสุดวิสัยของลูกหนี้เป็นต้น

บางคนยืมมาด้วยความตั้งใจที่จะมาและเรียงลำดับ   ไม่ไม่แน่ใจว่าจะคืนเมื่อใด  คิดเพียงชั่วครู่ว่ามีมากมาย  เช่นนี้จับคู่อย่างเท่าเทียมกัน  เพราะทำถูกต้องมีสิทธิ์ที่จะพลิกจาก ‘รอสักครู่  มันง่ายที่จะ ‘ดีกว่า’
ณ จุดหนึ่งคนเหล่านี้จะลืมความสัมพันธ์เก่าทั้งหมด  เมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีที่ส่งคืน  แต่เสียใจ

ความตระหนี่   รู้สึกว่ามันอยู่ในบัญชีของฉัน  สิ่งที่สำคัญจะหายไปในมือของคนอื่น  ความสำคัญคือ  ทั้งๆที่นั้น    เป็นไข่มุกวิเศษที่ความหลงไหลบงการก่อให้เกิดบาป  ผลที่ตามมาคือจิตใจที่อ่อนแอ คุณคิดอย่างไรกับเด็ก ๆ  บนเส้นทางที่ไร้สาระ  ด้านหน้าเป็นสิ่งที่คู่ควรกับชะตากรรมที่ไร้เหตุผล  วันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์สินที่ยั่งยืน  เมื่อวันก่อนหายไปเหมือนความฝัน

บางคนยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก  แต่มาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืน  พร้อมดอกเบี้ยมหาศาลบานตะไท  ที่มายืมตรงนี้ก็เพียงเพราะ  อยากประชดแบงก์ที่กู้ยากกู้เย็นนัก   อันนี้ผิดศีลข้อ ๒ เต็มๆ
เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนาถือเอาทรัพย์  ที่เจ้าของมิได้ยกให้   และการผิดแบบนี้แถมพกข้อ ๔ มาด้วย  ฉะนั้น ในที่ที่กรรมเผล็ดผล  โทษสถานเบาในโลกมนุษย์   คือต้องเหมารวมทั้งผลของการผิดข้อ ๒ และ ๔ รวมกันสองกระทง  ผลของข้อ ๒ คือเป็นผู้มีทรัพย์พินาศด้วยเหตุร้าย  ผลของข้อ ๔ คือเป็นผู้ถูกหลอกลวง ถูกใส่ร้าย  พูดง่ายๆ ว่า มีสิทธิ์เสียทั้งทรัพย์  เสียทั้งชื่อเสียง ด้วยการถูกใส่ร้าย ใส่ไคล้
หรือถูกต้มตุ๋นล่อลวงได้สารพัด

แต่ข้อเท็จจริง เป็นเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัส  คือ คนโกหกเป็นนิตย์  ที่จะทำชั่วอะไรไม่ได้นั้นไม่มี  ยิ่งถ้ามาถึงขั้นโกหกเพื่อเชิดเงินคนอื่นได้  ทำให้เขาเดือดร้อนหน้าตาเฉยได้  ก็แปลว่าต้องทำบาปร้ายกาจได้หนักกว่านี้ไปเรื่อยๆ  ฉะนั้น โทษทัณฑ์ที่แท้จริง  ก่อนจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเป็นมนุษย์  จึงน่ากลัวกว่าที่เราเห็นๆ กันขณะเป็นมนุษย์

ที่มา เฟสบุค Dungtrin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *