A29 ทนายนักสืบ ทนายโอ๋บทความ

7 ข้อสังเกตในการเลือกทนายความ

1.”ประวัติดี”-ก่อนว่าจ้างทนายความควรสืบประวัติของทนายความผู้นั้นจากลูกความที่เคยใช้บริการหลายๆคน อย่าเชื่อหน้าม้าหรือผู้ที่แนะนำให้ท่านรู้จักทนายความ
คนนั้นเพียงคนเดียว ซึ่งข้อนี้อาจจะทำได้ยากซักหน่อยสำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่มีที่ไม่ได้มีพรรคพวกมากหรือไม่เคยมีคดีความมาก่อน จึงควรใช้วิธีการสังเกตในข้อต่อๆไป

2.”มีข้อกฎหมายอ้างอิง” – ในการทำงานของทนายความ ทุกๆคดี จะต้องอาศัยตัวบทกฎหมาย ตำรากฎหมาย ความเห็นของอาจารย์กฎหมาย วิทยานิพนธ์
และคำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง ในการวางรูปคดี ดังนั้นในการตอบคำถามของทนายความเบื้องต้น หากท่านซักไซ้ไล่เรียงถึงข้อกฎหมายที่ใช้อ้างอิงในการตอบ
ทนายความผู้นั้นย่อมอธิบายข้อกฎหมายที่ใช้อ้างอิงประกอบคำตอบได้ พึงหลีกเลี่ยงทนายความประเภทตอบคำถามแบบไม่มีอะไรอ้างอิง เช่นว่า “คดีชนะอยู่แล้ว”
“คดีแบบนี้สู้ได้ๆ” ”สบายมาก” แต่พอถามว่าเหตุใดจึงจะชนะกลับตอบเหตุผลไม่ได้

3.”แม่นยำในข้อเท็จจริง” ในการทำงานของทนายความนอกจากจะต้องอาศัยข้อกฎหมายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ข้อกฎหมายคือข้อเท็จจริง ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น
อาจนิยามได้หมายถึง “เหตุการณ์และพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดี” เพราะแม้ทนายความผู้นั้นจะรู้ตัวบทกฎหมาย คำพิพากษาศาลฎีกา
ตลอดจนเจนจบตำรากฎหมายมากมายอย่างไร แต่หากไม่รู้จักวิธีสืบเสาะข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานที่ดีแล้ว ก็ไม่อาจทำงานคดีให้สำเร็จไปได้
โดยเราอาจสังเกตลักษณะของทนายความที่แน่นข้อเท็จจริงได้จากการสอบถามตัวลูกความทนายความที่ดีจะต้องสอบถามทุกแง่มุมของคดีอย่างละเอียด
ไม่ใช่ถามคำถามท่านสามสี่คำแล้วบอกคดีชนะแน่ แล้วรีบพูดถึงเรื่องค่าว่าความ เพราะตอนที่ท่านขึ้นศาลท่านจะต้องถูกทนายความฝ่ายตรงข้ามสอบถาม
อย่างละเอียดเพื่อจับพิรุธเช่นกัน อีกทั้งทนายความที่ดี จะไม่สอบถามข้อเท็จจริงจากท่านเพียงคนเดียวแต่จะสอบถามพยานบุคคลทั้งฝ่ายของท่านและฝ่ายอื่น
ประกอบการเตรียมคดีด้วย และในคดีอาญาหรือคดีแพ่งเกี่ยวกับที่ดินส่วนใหญ่ทนายความที่ดีจะต้องออกไปสำรวจสถานที่เกิดเหตุเสมอ ยกเว้นบางคดีที่ไม่มี
ประเด็นเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุ เช่นคดีปลอมเอกสาร ไม่ใช่ทำคดีพยายามฆ่าในเวลากลางคืน มีประเด็นเกี่ยวกับแสงไฟ ความใกล้ไกลในการมองเห็นของพยาน
เยอะแยะแต่ทนายความกลับนั่งตากแอร์เตรียมคดีอยู่แต่ในบนโต๊ะทำงาน

4.”อย่าตัดสินที่เปลือกนอก” โปรดจำไว้ว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดูดี สำนักงานที่โอ่โถง หรือรถยนต์ที่หรูหรา ของทนายความหรือแม้กระทั่งอายุของทนายความ
ไม่ใช่สิ่งบ่งบอกถึงความรับผิดชอบความสามารถ หรือความสามารถ ในการทำงานของทนายความ อย่าให้ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนในการตัดสินใจเลือกทนายความของคุณมากจนเกินไป
เพราะมีทนายความจำนวนไม่น้อยที่ร่ำรวยมาจากการหากินบนความเดือดร้อนของผู้อื่น และทนายความ18มงกุฎเหล่านี้ก็ทราบดีว่าโดยทั่วไปมักตัดสินใจเลือกทนายความจากเปลือกนอกเหล่านี้
จึงมักสร้างภาพลักษ์ภายนอกให้ดูโอ่โถง ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านปัจจัยเรื่องเสื้อผ้ากับรถยนต์นั้นมักไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับความสามารถของทนายความซะเท่าไหร่
เพราะเท่าที่สัมผัสพบว่ามีทนายความขับรถเก่าๆแต่งตัวธรรมดา เหมือนชาวบ้านธรรมดา แต่สามารถเตรียมคดีได้อย่างรอบคอบ ถามความได้อย่างหลักแหลม
แต่ทนายความบางคนแต่งตัวดี จนคนนึกว่าจะไปเดินแบบมากกว่าไปว่าความ ไปว่าความครั้งหนึ่งต้องมีเสมียนเดินตาม ขับรถหรูหรา แต่ไม่เคยได้เตรียมคดีเลย
เพราะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นหมด แถมถามความแบบขอไปที

5.“มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง” ปัจจัยเรื่องที่อยู่ของสำนักงานนั้นนับว่าท่านควรพิจารณา ท่านพึงหลีกเลี่ยงทนายความที่ไม่มีสำนักงานหรือที่อยู่ติดต่อเป็นหลักแหล่ง
และพยายามปิดบังที่อยู่ของเขากับท่าน ซึ่งท่านมักจะได้รับการแนะนำมาจากคนรู้จัก หรือจากตำรวจ(ที่จับท่านหรือญาติพี่น้องของท่านมานั่นแหละ)
หรือรู้จักเนื่องจากเดินอยู่ในศาล หรือใครไม่รู้ที่ศาลแนะนำมา โดยเฉพาะทนายความที่ท่านได้รับการแนะนำมาจาก ตำรวจกับนายประกันบางส่วนให้พึงหลีกเลี่ยงให้จงหนัก
เพราะทนายความเหล่านี้มักมีผลประโยชน์ร่วมกันกับตำรวจและนายประกันเหล่านั้น เขาไม่สนใจว่าคุณจะติดคุกหรือเปล่า เขาแค่ต้องการให้คดีคุณจบเร็วๆ
ตำรวจจะได้เสร็จงานและนายประกันจะได้เงินคืนไวๆ สำนักงานทนายความที่ดีไม่จำเป็นต้องหรูหราหรือใหญ่โต ทนายความที่มีฝีมือจำนวนมากก็มิได้มีสำนักงานทนายความ
แต่ทำงานที่บ้านของตัวเอง แต่อย่างไรเสีย ทนายความที่ดีก็ควรมีที่อยู่ที่แน่นอนที่ท่านสามารถติดตามและไปมาหาสู่ได้ ไม่ใช่นัดคุยกันที่ก็นัดกันที่ร้านกาแฟหรือร้านอาหาร

6.”ตกลงเรื่องค่าว่าความชัดเจน” การเรียกค่าว่าความนั้นไม่มีการกำหนดราคาตายตัว เป็นความพึงพอใจส่วนตัวระหว่างทนายความและลูกความ
แต่ทนายความที่ดีจะต้องกำหนดค่าว่าความกับท่านไว้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ทำไปเรียกไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด และสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมจึงเรียกค่าว่าความสูงเป็นเงินจำนวนเท่านี้

7.“มีการประเมินโอกาสคดีก่อนรับว่าความ” โดยสามารถชี้แจงได้ว่า คดีของท่านมีทางได้ทางเสียอย่างไร มีโอกาสแพ้ชนะคดีแค่ไหน เพราะเหตุใด
มิใช่รับคดีไปแล้วก็ยังตอบไม่ได้ว่าคดีมีโอกาสแพ้ชนะแค่ไหน พึงหลีกเลี่ยงทนายความที่นิยมบอกว่าคดีนี้ชนะแน่นอน 100เปอร์เซ็นต์
เพราะการว่าความมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลกระทบต่อการแพ้ชนะคดี ซึ่งปัจจัยบางอย่างก็ไม่อาจควบคุมได้ เช่นตัวผู้พิพากษา
ซึ่งพยานหลักฐานข้อเท็จจริงบางอย่างตัวทนายความเองก็ไม่รู้ เช่นพยานหลักฐานหรือพยานบุคคลของฝ่ายตรงข้าม บางครั้งพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงบางอย่าง
ก็เพิ่งโผล่มาภายหลัง ไม่มีใครบอกท่านได้ว่าคดีของท่านจะชนะได้อย่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ (ยกเว้นคดีแพ่งง่ายๆบางประเภท เช่นเรื่องกู้ยืม จำนอง )
เพราะทนายความเป็นเพียงผู้เสนอข้อเท็จจริงต่อศาล ไม่ใช่คนตัดสินคดี ทนายความทำได้แต่เพียงประเมินว่าคดีมีโอกาสแพ้ชนะมากน้อยเพียงใดเท่านั้นโดยพิจารณา
จากพยานหลักฐานที่ฝ่ายตนเองมีอยู่

 บริการปรึกษากฎหมายทนายความ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *