12 ขั้นตอนการหล่อพระพุทธรูป

การดำเนินงาน
ในการทำแยกเป็นแผนกต่างๆ ดังนั้น แต่ละแผนกจะมีความสามารถและความชำนาญต่างกัน ในการทำพิมพ์มีวิธีการดังนี้คือ
1. ปั้นหุ่นพระด้วยดินเหนียวผสมทรายและน้ำให้เข้ากัน เป็นการขึ้นรูป เป็นขนาดองค์พระคร่าวๆ และใช้เครื่องมือโบราณ
คือ กราด, เขาควาย (เครื่องมือวัด) ระดับน้ำ ตกแต่งหุ่น ให้ได้สัดส่วนตามความต้องการ
2. หุ้มหุ่นด้วยขี้ผึ้งผสมพาราฟิน ชัน ไขวัวเคี่ยวให้เข้ากัน (ผู้ทำต้องเป็นช่างใหญ่มีฝีมือ) นำไปรีดให้หนาหรือบางตามต้องการ
แล้วนำมาทำเป็นแผ่นหุ้มองค์พระที่ปั้นไว้ พร้อมทั้งใส่รายละเอียด ถ้ามีพิมพ์ซึ่งทำไว้แล้ว ใช้วิธีเทขี้ผึ้งร้อนลงในแม่พิมพ์ จะได้พระพุทธรูปขี้ผึ้ง
3. นำตะปูมาเข้าดิน โดยตอกไปตามจุดต่างๆ
4. หุ้มด้วยส่วนผสมของปูนพลาสเตอร์
5. ให้เหล็กหรือลวด พันรอบองค์ให้แน่น
6. หุ้มดินนอกและทำปากจอก
7. นำไปเข้าเตาเผา เพื่อให้ขี้ผึ้งไหลออกให้หมดจะเกิดช่องว่าง โดยเผาที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส
8. เทส่วนผสมของน้ำโลหะ เช่น ทองสัมฤทธิ์ (ทองแดง + ทองเหลือง + ตะกั่ว) ในการหลอมโลหะต้องมีการทำพิธีกรรมโดยพราหมณ์
เพื่อเป็นการขออนุญาตพระเททอง เครื่องบูชาที่ใช้ เช่น บายศรี บัตรพระเกตุ หัวหมู หมูช่วง ปลาช่อน ปูทะเล เป็ด ไก่ ข้าวแดงข้าวขาว
และขนมหูช้าง เป็นต้น การหลอมโลหะใช้อุณหภูมิ 1,200 องศาเซลเซียส โดยตัดเศียรออกก่อน แล้วหล่อจากฐานลงไปหาเศียร
9. ทุบดินออกให้หมด
10. ขัดองค์พระเก็บรายละเอียด ตกแต่ง
11. โป๊สี และใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบ
12. นำไปลงรักพอหมาดๆ ปิดทอง ซึ่งจะใช้ทองคำบริสุทธิ์ตีให้เป็นแผ่น (คล้ายทองคำเปลวที่ขายตามวัด) ปิดองค์พระให้ทั่ว
กรณีที่ไม่ปิดทองอาจใช้วิธีพ่นสีเหลืองแทน จะได้องค์พระพุทธรูปตามต้องการ

    ในการหล่อพระมีทุกขนาด ทั้งองค์ใหญ่เป็นพระประธานในวัดจนถึงองค์เล็กที่ใช้ห้อยคอรวมทั้ง เหรียญต่างๆ ด้วย 

สำหรับชนิดของพระหล่อได้ทุกชนิดตามที่มีผู้ต้องการใช้ แต่ที่มีผู้นิยมมากกว่าชนิดอื่น คือ พระพุทธชินราช
โดยเฉพาะขนาด 5.9 -9 นิ้ว ราคาจำหน่ายขึ้นกับขนาดพระและจำนวนที่ต้องการ ซึ่งส่งจำหน่ายทั่วประเทศ
รวมทั้ง มีร้านจำหน่ายเอง นอกจากนั้น ที่ดรงงานจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเยียมชมการหล่อพระทุกวัน
โดยเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ หรือช่วงงานเทศกาลต่างๆ

 ช่างโรงหล่อพระ ปั้นหินเทียม